การควบคุมการปลอมปนในดิน

### การปฏิบัติตามกฎหมายควบคุมการปนเปื้อนในดินและน้ำใต้ดิน: ความจำเป็นของโรงงานอุตสาหกรรมไทย

ในบริบทของการพัฒนาอุตสาหกรรมควบคู่กับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โรงงานอุตสาหกรรมในประเทศไทยจำเป็นต้องปฏิบัติตาม **กฎกระทรวงควบคุมการปนเปื้อนในดินและน้ำใต้ดินในบริเวณโรงงาน พ.ศ. 2559** และ **ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง กำหนดเกณฑ์การปนเปื้อนในดินและน้ำใต้ดิน……พ.ศ. 2559** ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการควบคุมมลพิษจากสารเคมีที่อาจส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติและสุขภาพของประชาชน

กฎหมายดังกล่าวกำหนดให้โรงงานที่มีความเสี่ยงต้องรายงานข้อมูลสารเคมี แผนผังจุดเก็บตัวอย่าง และติดตั้งบ่อสังเกตการณ์เพื่อทำการเก็บตัวอย่างดินและน้ำใต้ดินอย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้ต้องดำเนินการวิเคราะห์โดยใช้วิธีที่ได้รับการรับรอง เช่น **SW-846 ของ U.S. EPA** สำหรับดิน และ **Standard Methods for the Examination of Water and Wastewater** สำหรับน้ำใต้ดิน หากพบค่าการปนเปื้อนเกินกว่าเกณฑ์ที่กำหนด โรงงานจะต้องจัดทำรายงานและดำเนินมาตรการควบคุมและลดการปนเปื้อนทันที

การปฏิบัติตามกฎหมายฉบับนี้ไม่เพียงแค่ช่วยให้โรงงานหลีกเลี่ยงโทษทางกฎหมายเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ด้านความรับผิดชอบต่อสังคม (CSR) เพิ่มความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภคและนักลงทุน อีกทั้งยังลดความเสี่ยงจากการเกิดเหตุรั่วไหลของสารเคมีที่อาจนำไปสู่ความเสียหายทางเศรษฐกิจและผลกระทบต่อสุขภาพของชุมชนโดยรอบ

ในทางตรงกันข้าม หากโรงงานไม่ปฏิบัติตาม อาจถูกดำเนินคดีทางกฎหมาย รวมถึงต้องเผชิญกับค่าใช้จ่ายมหาศาลในการฟื้นฟูสภาพแวดล้อม การขาดความน่าเชื่อถือ และแรงต่อต้านจากสังคม โดยเฉพาะในยุคที่สังคมและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมอย่างยิ่ง

ด้วยเหตุนี้ การปฏิบัติตามกฎหมายควบคุมการปนเปื้อนในดินและน้ำใต้ดินจึงไม่ควรถูกมองเป็นภาระ แต่ควรถูกมองเป็น “การลงทุนเพื่อความยั่งยืน” ขององค์กรในระยะยาว โรงงานที่ตระหนักในจุดนี้จะสามารถเติบโตได้อย่างสมดุล ทั้งในเชิงธุรกิจและสิ่งแวดล้อม

การตรวจวัดการปนเปื้อนในดินและน้ำใต้ดิน

 

ขั้นตอนและวิธีการตรวจวัดการปนเปื้อนในดินและน้ำใต้ดินโดยห้องปฏิบัติการ

การตรวจวัดการปนเปื้อนในดินและน้ำใต้ดินเป็นหนึ่งในกระบวนการสำคัญที่โรงงานอุตสาหกรรมต้องดำเนินการตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม พ.ศ. 2559 เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน โดยมีขั้นตอนและวิธีการตรวจวัดหลัก ๆ ดังนี้:

1. การเตรียมข้อมูลพื้นฐาน

เริ่มจากการรวบรวมข้อมูลของโรงงาน ได้แก่ ที่ตั้ง ขนาด พื้นที่เสี่ยง สารเคมีที่ใช้หรือเก็บรักษา รวมถึงประวัติการรั่วไหลหรือการจัดการของเสีย ข้อมูลเหล่านี้ใช้สำหรับออกแบบแผนเก็บตัวอย่างและจุดติดตั้งบ่อสังเกตการณ์

2. การติดตั้งบ่อสังเกตการณ์ (Monitoring Well)

โรงงานต้องติดตั้งบ่อสังเกตการณ์ 2 ประเภท:

  • บ่อเหนือน้ำ (Up-gradient): ใช้เป็นจุดอ้างอิงที่ไม่ได้รับผลกระทบจากโรงงาน
  • บ่อท้ายน้ำ (Down-gradient): ใช้ติดตามการไหลของสารปนเปื้อนจากโรงงาน
    การติดตั้งต้องอิงกับทิศทางการไหลของน้ำใต้ดิน และมีระดับความลึกเพียงพอเพื่อเก็บตัวอย่างน้ำได้

3. การเก็บตัวอย่างดินและน้ำใต้ดิน

  • ดิน: เก็บจาก 2 ระดับความลึก ได้แก่ ชั้นผิว (0–30 ซม.) และระดับเดียวกับชั้นน้ำใต้ดิน
  • น้ำใต้ดิน: สูบจากบ่อสังเกตการณ์โดยใช้เครื่องมือเฉพาะ เช่น bailer หรือ submersible pump

4. การวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการ

ตัวอย่างจะถูกส่งตรวจตามวิธีมาตรฐาน ได้แก่:

  • ดิน: ใช้แนวทาง SW-846 ของ U.S. EPA
  • น้ำใต้ดิน: ใช้ Standard Methods for the Examination of Water and Wastewater (APHA, AWWA, WEF)

สารที่ตรวจมักเป็นกลุ่มโลหะหนัก เช่น ตะกั่ว แคดเมียม หรือสารอินทรีย์ระเหย (VOC) เช่น เบนซีน และ TPH โดยผลการตรวจจะเทียบกับ “เกณฑ์การปนเปื้อน” ที่กำหนดในภาคผนวกของประกาศฯ

5. การรายงานผล

ผลการวิเคราะห์จะถูกจัดทำในแบบฟอร์มรายงานที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมกำหนด หากพบว่าค่าการปนเปื้อนเกินเกณฑ์ โรงงานต้องจัดทำ “แผนลดและควบคุมการปนเปื้อน” ทันที


บทสรุป

การตรวจวัดดินและน้ำใต้ดินแม้ดูซับซ้อน แต่หากวางแผนและดำเนินการตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง ก็สามารถควบคุมความเสี่ยงต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างความเชื่อมั่นให้กับชุมชนได้อย่างยั่งยืน โรงงานที่มีระบบตรวจสอบอย่างเป็นระบบ ย่อมมีความพร้อมต่อการรับมือกับทั้งการประเมินด้านกฎหมายและผลกระทบทางธุรกิจในอนาคต


 

Coming Soon – ดิน

Soil is Coming Soon

Our “Soil” content is under development and will be available soon. Please check back regularly for updates.

เนื้อหาเกี่ยวกับ “ดิน” ของเรากำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนา และจะเปิดให้บริการในเร็วๆ นี้ กรุณาติดตามความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง